ถ้าพูดถึง ประเภทของธุรกิจ Supply Chain เพราะเป็น ธุรกิจที่น่าสนใจ โดยไม่ว่าจะผลิตสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ไหนออกมา แน่นอนว่า จะต้องมี ตัวแทนจำหน่าย ที่จะต้องคอยส่งต่อสินค้าให้กับผู้บริโภค ตลอดไปจนถึง พนักงานขาย แต่ก่อนจะไปถึงตัวแทนจำหน่าย หรือ ดีลเลอร์นั้น จะต้องผ่านผู้ทำหน้าที่สำคัญ นั่นก็คือ Distributor ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง ผู้ทำประโยชน์ให้ผู้ผลิต และ ตัวแทนจำหน่าย โดย Distributor จะมีชื่อเรียกว่า ผู้จัดจำหน่าย นั่นเอง เรามาดูกันว่า Distributor หรือ ผู้จัดจำหน่ายคือใคร มีความสำคัญอย่างไรบ้าง มีหน้าที่ทำอะไรในวงการธุรกิจ
Distributor คืออะไร
Distributor ชื่อนี้ อาจจะไม่คุ้นกันมากนัก ถ้าใครไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจมากพอ เพราะคนส่วนใหญ่จะคุ้นหูกับดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่ายมากกว่า แต่สำหรับ Distributor มีความสำคัญอย่างมาก ที่จะคอยส่งเสริมผู้ผลิต และผลักดันสินค้าไปยังตัวแทนจำหน่าย ซึ่ง Distributor คือ ผู้จัดจำหน่าย ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิต ให้ขายสินค้าในพื้นที่เฉพาะแต่ละที่ โดยจะขายให้กับตัวแทนจำหน่ายและผู้ค้าปลีก ผู้จัดจำหน่าย จำเป็นต้องมีเงินลงทุนสูง เพราะต้องลงทุนซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์ จำนวนมากจากผู้ผลิต และไม่ต้องไปขายตรงกับผู้บริโภค ผู้จัดจำหน่าย จะส่งต่อไปยังตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายไปขายต่ออีกที
Distributor จัดได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญ ในการเชื่อมโยงความสำเร็จ ให้กับผู้ผลิต และตัวแทนจำหน่าย และผู้จัดจำหน่าย แม้จะลงทุนมหาศาล แต่ถ้าตัวแทนจำหน่ายนำไปขายได้ดี ผู้จัดจำหน่ายก็จะได้ประโยชน์ตามไปด้วย เพราะตัวแทนจำหน่าย จะต้องการสินค้ามาลงอีก
Distributor ทำหน้าที่อะไรบ้าง
Distributor มีหน้าที่ ซื้อสินค้าจากผู้ผลิต
โดยเราสามารถเห็น Distributor ลงทุนสั่งสินค้าเข้ามาปริมาณมาก เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด โดยมักจะสั่งของมามากกว่าตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำมาขายให้ตัวแทนจำหน่าย นำไปขายยังผู้บริโภคอีกที เกิดเป็น Chian ที่สำคัญธุรกิจ
Distributor มีหน้าที่จัดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น
โดยที่ Distributor ไม่ต้องเผชิญหน้าเองโดยตรงกับลูกค้า ทำแค่เจรจาและขายสินค้า กับบริษัทผู้ผลิต และตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น
Distributor มีหน้าที่ กระจายสินค้าจำนวนมาก
Distributor มีหน้าที่ กระจายสินค้าจำนวนมาก ออกไปสู่ตลาด มีคลังสินค้าขนาดใหญ่ไว้คอยจัดเก็บและเตรียมสินค้าไว้มากมาย เพื่อเตรียมกระจายสินค้าตามคำสั่งซื้อต่อไปซึ่งจะต้องวางแผนการขายให้ง่ายด้วย
ตัวอย่างของการเป็น Distributor
เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ Distributor ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ดังนี้
บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ AA ได้ผลิตสินค้าเป็นเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ จากนั้น บริษัท BB ซึ่งเรียกตัวเองว่า เป็น Distributor หรือผู้จัดจำหน่าย ทำการตลาด และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ว่าสินค้านี้จะสามารถตีตลาดกลุ่มเป้าหมายพ่อบ้าน แม่บ้าน หรือกลุ่มวัยทำงานได้ จึงมองเห็นโอกาสที่จะทำเงินจากการกระจายสินค้าตัวนี้
บริษัท BB จึงเข้าไปเจรจากับ บริษัท AA เพื่อซื้อขายสินค้า ตกลงราคา และสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากจากผู้ผลิตบริษัท AA บริษัท BB ได้ทำการวางแผน ติดต่อตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือดีลเลอร์ เพื่อกระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่างๆ และนำไปเสนอขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่ง ตัวแทนจำหน่ายแต่ละพื้นที่ จะรับหน้าที่ขายไปยังลูกค้าเอง บริษัท BB เป็นเพียงผู้จัดจำหน่าย ที่เตรียมสินค้าส่งออกไปให้ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น บริษัท BB ถือครองกรรมสิทธิ์ ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ ของบริษัท AA ซึ่งได้ชื่อว่า ผลิตโดย บริษัท AA แต่จัดจำหน่ายโดย บริษัท BB ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย จะเป็นผู้ขายและทำกำไรกลับคืนมายังบริษัท BB ผู้จัดจำหน่าย โดยส่วนแบ่งทางการตลาด เป็นไปตามที่ตกลงกับดีลเลอร์ทั่วประเทศ
สำหรับ Distributor หรือ ผู้จัดจำหน่ายแล้ว ก่อนจะนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ใดมาขายให้กับตัวแทนจำหน่าย ก็ต้องศึกษาให้ดีว่า แนวโน้ม โอกาสจะทำตลาดให้แบรนด์นั้นเกิด เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ต้องมีทีมวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ เพราะถือว่า Distributor ต้องใช้การลงทุนมหาศาลมาก เพื่อจะสั่งผลิตสินค้ามาสต็อกไว้ในโกดังสินค้า และรอจัดจำหน่ายให้กับตัวแทน หากวางแผนธุรกิจได้ดี ก็จะทำให้เกิดความสำเร็จร่วมกันทุกฝ่าย กลับมาเป็นรายได้มหาศาลอย่างที่พอใจ